ค้นหา

“3 เร่ง 3 ลด 3 เพิ่ม” เป็นวาระแห่งชาติ มุ่งพัฒนาเด็กปฐมวัย

เมื่อเวลา 09.05 น. วันที่ 5 สิงหาคม 2567 ที่โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เป็นประธานเปิดการประชุมวิชาการระดับชาติ ครั้งที่ 3 ประจำปี พ.ศ.2567 เรื่องการขับเคลื่อนและพัฒนาเด็กปฐมวัย “3 เร่ง 3 ลด 3 เพิ่ม เสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัยไทย”

โดยมี ดร.อรรถพล สังขวาสี เลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) พร้อมด้วยผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม การนี้ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ประกาศวิสัยทัศน์เกี่ยวกับแนวทางการทำงานในการขับเคลื่อนข้อเสนอเชิงนโยบาย 3 เร่ง 3 ลด 3 เพิ่ม เพื่อส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัยในสภาวะวิกฤต” เป็นวาระแห่งชาติ ดังนี้

1. สกศ. รับผิดชอบประสานการจัดทำแผนการขับเคลื่อนข้อเสนอเชิงนโยบายการพัฒนาเด็กปฐมวัย โดยใช้เว็บไซต์ “ปฐมวัยไทยแลนด์” เป็นสื่อกลางเพื่อเป็นแหล่งค้นคว้าให้กับผู้ที่สนใจ

2.กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็น 4 กระทรวงหลักร่วมกับ กรุงเทพมหานคร และหน่วยงานอื่น ขับเคลื่อนข้อเสนอเชิงนโยบาย 3 เร่ง 3 ลด 3 เพิ่ม 

3. คณะอนุกรรมการด้านสื่อสารเพื่อการพัฒนาเด็กปฐมวัยในคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเด็กปฐมวัย ร่วมกับภาคีเครือข่าย และภาคเอกชน จัดทำแผนการสื่อสารและประชาสัมพันธ์เชิงรุกนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง Mind Set ของคนในสังคม ในการดูแลเด็กปฐมวัยอย่างถูกวิธีผ่าน Main Campaign เพิ่มเวลาคุณภาพ เล่นเป็น กอดเป็น เล่าเป็น” และ Second Campaign “งดจอก่อน 2 ขวบ ร่วมสร้างวินัย ไม่ใช้ความรุนแรง”

พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าวว่า การประชุมวิชาการระดับชาติในครั้งนี้ ตนเชื่อมั่นว่าองค์ความรู้ ข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะที่ได้จากการประชุมจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการขับเคลื่อนและพัฒนาเด็กปฐมวัยในอนาคตให้เข้มแข็งและเป็นพลเมืองที่ดีต่อไป

ในส่วนของพัฒนาการเด็กปฐมวัย 3 เร่ง 3 ลด 3 เพิ่ม ตนได้เติมไปอีกนิดหนึ่งในกระบวนการคืออยากให้คิดนอกกรอบด้วย เพราะมองว่าเป็นอีกหนึ่งในวิธีการมองโลกอย่างรู้เท่าทันในยุคที่มีเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามา ส่วนในกรณีต่างประเทศที่มีการบังคับใช้กฎหมายห้ามเด็กใช้มือถือถึงอายุ 8 ขวบ

ตนมองว่า ในไทยอาจจะต้องลองดูก่อน แต่คงจะไม่ถึงขั้นต้องบังคับใช้กฎหมาย เน้นการสื่อสารและทำความเข้าใจ ประกอบกับผู้ใหญ่ที่แวดล้อมเด็กๆ จะต้องเป็นตัวอย่างที่ดี เริ่มจากลดการใช้มือถือในที่สาธารณะลงเพราะเด็กจะดูเป็นแบบอย่างได้

ด้าน ดร.อรรถพล สังขวาสี เลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) กล่าวว่า จากวิกฤตโควิด-19 ที่ผ่านมาเป็นระยะเวลากว่า 2 ปี ที่สถานพัฒนาเด็กปฐมวัยต้องปิดทำการ และปรับการเรียนรู้ไปสู่รูปแบบออนไลน์ ส่งผลให้เด็กปฐมวัยตกอยู่ในภาวะวิกฤตการเรียนรู้ถดถอย

จึงเป็นเหตุให้เราเน้นนโยบาย 3 เร่ง 3 ลด 3 เพิ่ม” ซึ่งองค์ความรู้และข้อคิดเห็นในการประชุมครั้งนี้จะนำไปสู่การจัดทำแผนการศึกษา และเตรียมนำเข้าสู่ มติ ครม.ต่อไป 

ซึ่งนอกจากมาตรการดังกล่าวแล้ว ก็ต้องมีการวางแผนกำหนดมาตรฐานของครูปฐมวัย ตลอดจนอาคารสถานที่ที่มีผลต่อผู้เรียนให้มีคุณภาพไปสู่วิธีปฏิบัติได้จริง เช่น ผู้ปกครองจะมีวิธีดูแลลูกอย่างไรในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทมากขึ้น เริ่มต้นจากการงดการใช้มือถือในเด็กก่อน 2 ขวบเพราะมีงานวิจัยระบุว่ามีผลต่อพัฒนาการและมีพฤติกรรมที่ก้าวร้าวในเด็ก เป็นต้น

นอกจากนี้ภายในงานได้มีการจัดนิทรรศการการนำเสนอผลงานทางวิชาการ และนวัตกรรมเกี่ยวกับการส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัย โดย รมว.ศึกษาธิการ เยี่ยมชม ตลอดจนพูดคุยกับเด็กๆ ชั้นอนุบาล 2 และ 3 จากโรงเรียนอนุบาลสามเสน ที่มาแสดงทักษะอ่านเขียนผ่านการเล่านิทาน และเขียนคำว่า “ผมรักรัฐมนตรีเพิ่มพูน ชิดชอบ” ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายหลักในการส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัยอย่าง “เพิ่มเวลาคุณภาพ เล่นเป็น กอดเป็น เล่าเป็น”

ที่มา ; ข่าวสดออนไลน์

เกี่ยวข้องกัน

เผยวิกฤตปฐมวัยรุนแรง เด็กติดมือถือ-ปัญหาครอบครัวทำยอดแม่วัยใสพุ่ง ศธ.เร่งแก้

พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) จัดการประชุมวิชาการระดับชาติ ประจำปี2567 เรื่องการขับเคลื่อนและพัฒนาเด็กปฐมวัย “3 เร่ง 3 ลด 3 เพิ่ม เสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัยไทย”  ทั้งนี้ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ส่งผลให้สถานพัฒนาเด็กปฐมวัยต้องเปลี่ยนรูปแบบการเรียนการสอน และการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ จากการเรียนในห้องเรียน มาเป็นการเรียนผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งไม่สอดคล้องกับวิถีการส่งเสริมพัฒนาการของเด็กปฐมวัย ทำให้เกิดวิกฤต เด็กติดการใช้สื่อหน้าจอโดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือที่เพิ่มสูงขึ้น และประสบปัญหาจากวิกฤตความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงโอกาสทางการศึกษา รวมไปถึงวิกฤตครอบครัวที่พบว่า จำนวนแม่วัยใสที่ขาดความพร้อมในการดูแลลูกเพิ่มมากขึ้น

พล.ต.อ.เพิ่มพูนกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ จากวิกฤตดังกล่าวจึงเป็นที่มาของข้อเสนอเชิงนโยบาย3 เร่ง 3 ลด 3 เพิ่ม โดยยกเป็นวาระแห่งชาติ คือ

  • เร่งให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ผู้ปกครอง ครู ผู้ดูแลเด็ก ชุมชนและสังคม
  • เร่งจัดสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้า
  • เร่งเสริมศักยภาพองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและกลไกระดับพื้นที่ใกล้ตัวเด็ก
  • ลดการใช้สื่อหน้าจอในเด็กปฐมวัยอย่างจริงจัง 2 ปี
  • ลดการใช้ความรุนแรงกับเด็กปฐมวัยทั้งทางร่างกายและจิตใจ และ
  • เพิ่มการส่งเสริมพัฒนาการและการเรียนรู้ เช่น ดนตรี กีฬา การออกกำลังกาย งานบ้าน งานครัว งานสวน
  • เพิ่มการเล่านิทานกับเด็กอย่างสม่ำเสมอ
  • เพิ่มความรักและเวลาคุณภาพของครอบครัว 

นโยบาย3 เร่ง 3 ลด 3 เพิ่มถือเป็นนโยบายที่ดี แต่ผมอยากให้คิดนอกกรอบออกไป ซึ่งการติดจอโทรศัพท์ไม่ได้เกิดจากวิกฤตโควิด-19 แต่มาจากกระแสโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ดังนั้น หากต้องการให้เด็กลดการใช้โทรศัพท์พ่อแม่ต้องเป็นต้นแบบให้แก่ลูกด้วย เพราะทุกวันนี้หันไปทางไหนก็เห็นผู้ปกครองยังจับโทรศัพท์มือถือต่อหน้าลูก ซึ่งเราจะทำอย่างไรให้บุคคลรอบตัวเด็กได้เป็นตัวอย่างที่ดี โดยเฉพาะการให้ความรักและความใส่ใจต่อเด็ก ขณะเดียวกันอยากให้ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในท้องถิ่นนอกจากจะให้การศึกษาแก่เด็กแล้ว อยากให้เข้าไปสอนพ่อแม่ถึงวิธีการดูแลเด็กเล็กด้วย นอกจากนี้ อยากให้มองไปว่าจะมีเหตุการณ์อะไรที่จะส่งผลกระทบต่อเด็กได้อีก เพื่อทำให้ทุกคนตระหนักถึงภัยอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับเด็กและเยาวชนด้วย เพื่อให้เด็กโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ” พล.ต.อ.เพิ่มพูนกล่าว 

ที่มา ; มติชนออนไลน์