
26 กันยายน 2567 ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล รองปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ในฐานะประธานคณะทำงานขับเคลื่อนเพื่อยกระดับผลการประเมินระดับนานาชาติ (PISA) เปิดแผยว่า จากผลการประเมินระดับนานาชาติ PISA ของประเทศไทยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมานั้นได้สะท้อนให้เห็นถึงจุดแข็ง จุดอ่อน และแนวโน้มของระบบการศึกษาไทย เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลกโดยรวมแล้ว พบว่า ผลการประเมินของไทยยังคงมีความท้าทายและมีช่องว่างที่ต้องเร่งแก้ไข เนื่องจากคะแนนเฉลี่ยของนักเรียนไทยในด้านการอ่าน คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ มีแนวโน้มลดลงเมื่อเทียบกับการประเมินครั้งก่อน ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการอ่านและคณิตศาสตร์ ซึ่งมีคะแนนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของ OECD ถึงแม้ว่านักเรียนไทยจะมีความสามารถในการทำงานร่วมกัน และมีความคิดสร้างสรรค์ในระดับหนึ่ง แต่ผลการประเมินยังแสดงให้เห็นว่านักเรียนไทยยังขาดทักษะการคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา และการนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ประกอบกับโลกปัจจุบันเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทักษะที่จำเป็นในการทำงานและดำรงชีวิตในอนาคตก็เปลี่ยนแปลงไปด้วย
ประธานคณะทำงานขับเคลื่อนฯ PISA กล่าวต่อว่า ดังนั้น สำนักงานปลัดกระทรวง อว.มีเป้าหมายสำคัญในการยกระดับผลการประเมินระดับนานาชาติ (PISA) ด้วยการพัฒนาหลักสูตร ทักษะครู และสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษา โดยเฉพาะการพัฒนาทักษะการอ่าน คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ ซึ่งถือเป็นกุญแจสำคัญในการปรับปรุงผลการประเมินระดับนานาชาติในอนาคต โดยมีแนวทางสำคัญ คือ
1.กำหนดนโยบายและมาตรฐานระดับชาติ โดยการพัฒนากรอบหลักสูตรที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล เน้นการพัฒนาทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 และส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา เพื่อพัฒนาวิธีการสอนและเครื่องมือที่เอื้อต่อการเรียนรู้ตามแนวทาง PISA
2.พัฒนาครูผู้สอน เริ่มตั้งแต่การผลิตบัณฑิตหรือครูผู้สอนให้มีทักษะการสอนที่ทันสมัย สามารถนำเทคโนโลยีมาใช้ในการเรียนการสอนอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการพัฒนาความรู้และทักษะของครูและอาจารย์ที่เป็นหัวใจสำคัญในการส่งเสริมสมรรถนะของผู้เรียน
3. ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยสนับสนุนการเรียนรู้ผ่านเทคโนโลยี การส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการเรียนรู้ เพื่อให้เข้าถึงแหล่งข้อมูลและเครื่องมือการเรียนรู้ได้อย่างสะดวก รวมถึงสนับสนุนให้ประชาชนทุกกลุ่มอายุได้เข้าถึงโอกาสทางการศึกษาอย่างต่อเนื่องการเรียนรู้ผ่านออนไลน์ หรือการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง และ
4. สร้างความร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ ทั้งจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อพัฒนาทักษะที่ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน และที่สำคัญคือ การสนับสนุนให้สถาบันอุดมศึกษาผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพและสอดคล้องกับความต้องการของประเทศ
ขณะที่ดร.พันธุ์เพิ่มศักดิ์ อารุณี รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าวว่า เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมและยกระดับผลการประเมิน PISA (Programme for International Student Assessment) ของประเทศไทยในปี 2568 ซึ่งเป็นโปรแกรมประเมินสมรรถนะนักเรียนตามมาตรฐานสากล สำนักงานปลัดกระทรวง อว.จะเน้นการประเมินสมรรถนะของนักเรียนเกี่ยวกับการใช้ความรู้และทักษะในชีวิตจริงมากกว่าการเรียนรู้ตามหลักสูตรในโรงเรียนหรือเรียกว่า “ความฉลาดรู้” (Literacy) ใน 3 ด้าน ได้แก่ การอ่าน คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ โดยจะใช้โรงเรียนสาธิตในสังกัดกระทรวง อว.เป็นต้นแบบในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาและการผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการส่งเสริมให้ผู้เรียนมีสมรรถนะและความฉลาดรู้ตามแนวทาง PISA ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวง อว.ที่มุ่งเน้นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีคุณภาพสูง
ประธานคณะทำงานขับเคลื่อนฯ PISA เผย 3 กุญแจสำคัญยกระดับผลการประเมินระดับนานาชาติเด็กไทย ปี 68 เตรียมกำหนดนโยบายและมาตรฐานระดับชาติ โดยการพัฒนากรอบหลักสูตรที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากลและพัฒนาครูผู้สอน ด้านดร.พันธุ์เพิ่มศักดิ์ ชูหลักสูตรในโรงเรียนหรือเรียกว่า “ความฉลาดรู้” (Literacy) 3 ด้านได้แก่ การอ่าน คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์สู้ศึก PISA
ที่มา ; แนวหน้า วันพฤหัสบดี ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2567
เกี่ยวข้องกัน
บอร์ด PISA เคาะแผนพัฒนา ‘ครูแม่ไก่’ ยกระดับสมรรถนะ ‘วิทย์-คณิต-ภาษาไทย’
พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า จากการประชุมคณะกรรมการ PISAแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2567 โดยมีนายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายธงชัย ชิวปรีชา และ นายศรัณย์ โปษยะจินดา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ พร้อมด้วยคณะกรรมการ เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมราชวัลลภ กระทรวงศึกษาธิการ และมี รศ.คุณหญิงสุมณฑา พรหมบุญกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ เข้าร่วมผ่านระบบออนไลน์ Zoom Meeting ด้วยนั้น
ซึ่งที่ประชุมได้หารือและพิจารณาร่างแผนการจัดอบรมครู (ครูแม่ไก่) เพื่อสร้างให้เป็นนักสร้างข้อสอบตามแนว PISA ปีงบประมาณ 2568 จำนวน 3 วิชา วิชาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และภาษาไทย ในรูปแบบผสมผสานทั้งออนไลน์และออนไซต์ หลักสูตร 5 วัน ในช่วงเดือนตุลาคม 2567 จำนวน 8 รุ่น รุ่นละ 40 คนต่อวิชา รวม 960 คน จากนั้นจะขยายการอบรมสู่ครูระดับมัธยมศึกษาทุกสังกัดต่อไป เพื่อให้ครูสามารถนำแนว PISA ไปปรับใช้ในการออกข้อสอบปลายภาคได้ทันในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2568
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้รับทราบรายงานความคืบหน้าในการติดตามการขับเคลื่อนเพื่อยกระดับผลการประเมิน PISA ในสถานศึกษา และรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการขับเคลื่อนเพื่อยกระดับผลการประเมิน PISA ของแต่ละสังกัดการศึกษาด้วย
“ที่ประชุมเห็นตรงกันว่า การทำงานครั้งนี้ มิใช่เป็นเพียงเพิ่มผลคะแนนในการประเมิน PISA 2025 เท่านั้น แต่เป็นการพัฒนาและยกระดับคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาทุกสังกัดทั่วประเทศ ทั้งในการอ่านออกเขียนได้ การคิดวิเคราะห์ การพัฒนาสื่อการเรียนการสอน การพัฒนาครูผู้สอน ตลอดจนโครงสร้างพื้นฐาน อุปกรณ์การเรียนการสอนและสื่อที่ทันสมัย ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้ กระทรวงศึกษาธิการเพียงลำพังคงจะทำไม่ได้ ต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจทุกหน่วยงาน และเมื่อทุกภาคส่วนเข้ามาร่วมด้วยช่วยกัน ผมเชื่อว่า จะทำให้คุณภาพมาตรฐานการศึกษาพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน” รมว.ศธ.กล่าว
ที่มา ; แนวหน้า วันพฤหัสบดี ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2567
เกี่ยวข้องกัน
ลุ้น’ร่างพ.ร.บ.การศึกษา’เข้าสภาฯปี68 หลัง’บอร์ดสกศ.’ไฟเขียวฉบับทบทวน
นายประวิต เอราวรรณ์ เลขาธิการคณะกรรมการสภาการศึกษา (สกศ.) เปิดเผยว่า ตามที่ ที่ประชุมคณะกรรมการสภาการศึกษา(สกศ.) ที่มี พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เป็นประธาน รับทราบ การดำเนินการทบทวนร่างพ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ….ซึ่งได้ผ่านการรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้อง แล้วนั้น ขั้นตอนจากนี้คือ นำร่างพ.ร.บ.การศึกษาฯ ที่ผ่านการทบทวน เสนอให้ รัฐมนตรีว่าการศธ. พิจารณา เสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบต่อไป
นายประวิต กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ สกศ. ตระหนักถึงความสำคัญในการผลักดันร่างพ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติฯ ฉบับใหม่ ออกมาเป็นกฎหมายบังคับใช้โดยเร็วที่สุด เพราะถือเป็นกฎหมายแม่บทที่มีความจำเป็นต่อการปฏิรูปการศึกษาในปัจจุบัน ที่การเรียนรู้มีความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเทคโนโลยี ที่ต้องมีการเตรียมความพร้อม สำหรับการเรียนการสอนในยุคดิจิทัล เพื่อให้เด็กไทยสามารถ แข่งขันในระดับสากล ทั้งหมดนี้สกศ.จะเร่งดำเนินการ เพื่อผลักดันร่างพ.ร.บ.การศึกษาฯ ฉบับนี้เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาได้ทันในการเปิดสมัยประชุมปี 2568 ถือเป็นเป้าหมายที่ท้าทาย แต่เป็นเรื่องที่สกศ. ต้องดำเนินการให้ประสบความสำเร็จ
“อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การศึกษาฯ จะต้องผ่านการกลั่นกรองจากคณะกรรมาธิการ(กมธ.) การศึกษา ซึ่งไม่ได้มีร่างที่เสนอโดย ศธ. เพียงฉบับเดียวเท่านั้น แต่ยังมีร่างพ.ร.บ.การศึกษาฯ อีกหลายฉบับที่เสนอจากฝ่ายการเมือง ที่ได้ยื่นเสนอต่อรัฐสภา ความสำคัญจึงอยู่ที่การพิจารณาอย่างรอบด้าน นำข้อดี ข้อเสีย และข้อเสนอแนะจากทุกฉบับมาพิจารณา เพื่อให้ได้ร่างพ.ร.บ.การศึกษาฯ ฉบับที่มีความสมบูรณ์และครอบคลุมทุกมิติของการปฏิรูปการศึกษา ซึ่งหากมีการพิจารณาร่างพ.ร.บ.การศึกษาฯ สกศ. ก็พร้อมให้ความร่วมมือ ในการให้ความเห็นรวมถึงข้อเสนอแนะทางวิชาการ ในฐานะหน่วยงานหลักในการยกร่างพ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว เพื่อให้กฎหมายที่จะออกมา และมีผลบังคับใช้ในอนาคต มีความสมบูรณ์มากที่สุด เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาการจัดการศึกษาของประเทศ”นายประวิต กล่าว
ลุ้น’ร่างพ.ร.บ.การศึกษา’เข้าสภาฯปี68 หลัง’บอร์ดสกศ.’ไฟเขียวฉบับทบทวน ชง’บิ๊กอุ้ม’เสนอครม.-หวังดัน’ปฏิรูป’
ที่มา ; มติชนออนไลน์ วันที่ 23 ธันวาคม 2567
เกี่ยวข้องกัน
ศธ. พร้อมขับเคลื่อนแก้ปัญหาเด็กอยู่นอกระบบ เด็กตกหล่น
เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหาระดับสูงของกระทรวงศึกษาธิการ ว่า ที่ประชุมได้รายงานความก้าวหน้าการขับเคลื่อนเพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาตามโครงการประเมินคุณภาพการศึกษาระดับนานาชาติ หรือ ปีซ่า ในการขยายผลการอบรมการสร้างและพัฒนาข้อสอบฯ ในระดับเขตพื้นที่ ทุกรุ่น จำนวน 245 เขตพื้นที่ ขณะนี้ ลงทะเบียนทั้งหมด 164,065 คน โดยมีเป้าหมายในการพัฒนาทั้งหมด 445,624 คน พร้อมสร้างและพัฒนาข้อสอบฯ ในระดับเขตพื้นที่ ครบทั้ง 100% แล้ว
“นอกจากนี้ได้มีการจัดทำแผนการขยายผลการอบรมและพัฒนาครูสร้างข้อสอบตามแนวปีซ่าในรูปแบบออนไลน์ ด้วย ซึ่งอยากเน้นให้เกิดคุณภาพทางการศึกษา โดยเป้าหมายต้องไม่มีเด็กอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ของนักเรียน นอกจากนี้ตนได้ย้ำในที่ประชุมถึง โดยอยากให้สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) เป็นหน่วยงานหลักในการวัดและประเมินคุณภาพการศึกษาในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยจะต้องสร้างแรงจูงใจในการทำข้อสอบปีซ่าให้ได้มากที่สุด ไม่ได้บังคับแต่เป็นการสร้างแรงจูงใจให้เด็กกลุ่มนี้มาเข้าทดสอบปีซ่าให้ได้มากที่สุด”พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าว
พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ได้หารือถึงโครงการขับเคลื่อนนโยบายการแก้ปัญหา เด็กที่อยู่นอกระบบการศึกษา และ เด็กตกหล่น ซึ่งสภาการศึกษา (สกศ.) ได้รายงานผลการดำเนินงานการติดตามเด็กนอกระบบการศึกษาเชิงระบบ (Thailand Zero Dropout) ข้อมูลเด็กวัยเรียนที่อยู่นอกระบบการศึกษา (ระหว่างวันที่ 16-23 ธ.ค.67) ภาพรวมเพิ่มขึ้นจากเดิม จำนวน 21,756 คน แยกเป็น เด็กสัญชาติไทย จำนวน 17,705 คน เด็กต่างชาติ จำนวน 4,051 คน สพฐ. และรายงานผลการนำนักเรียนตกหล่นกลับเข้าสู่ระบบมากที่สุด ได้แก่ สพป.แม่ฮ่องสอน เขต 1 สพป.พระนครศรีอยุธยา เขต 1 สพป.สงขลา เขต 3 สพป.บุรีรัมย์ เขต 2 สพป.นครพนม เขต 2 และ สพป.นนทบุรี เขต 2 ขณะที่รายงานผลการนำนักเรียนออกกลางคันกลับเข้าสู่ระบบมากที่สุด ได้แก่ สพม.บุรีรัมย์ สพม.นครราชสีมา สพม.นครพนม และ สพป.ชลบุรี เขต 3 ทั้งนี้ ขอให้สำรวจให้ครบถ้วนว่าที่เด็กหลุดจากระบบ หรือไม่เข้ามาในระบบอีกมีสาเหตุจากอะไร มีปัจจัยอะไรบ้าง
ศธ. เร่งยกระดับคุณภาพการศึกษา พร้อมขับเคลื่อนแก้ปัญหาเด็กนอกระบบ ย้ำเป้าหมาย ‘Thailand Zero Dropout
ที่มา ; มติชนออนไลน์ วันที่ 25 ธันวาคม 2567
เกี่ยวข้องกัน
รมว.เพิ่มพูนเร่งหารือการยกระดับคุณภาพการศึกษา โดยใช้องค์ความรู้จาก PISA
เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2568 พลตำรวจเอกเพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุมหารือยกระดับคุณภาพการศึกษาโดยใช้องค์ความรู้จาก PISA ครั้งที่ 3-1/2568 โดยมี ดร.สุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ รศ.ดร.ประวิต เอราวรรณ์ เลขาธิการสภาการศึกษา ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และนายวีระพงษ์ อู๋เจริญ ผู้อำนวยการสำนักประเมินผลการจัดการศึกษา เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมราชวัลลภ ชั้น 2 อาคารราชวัลลภ กระทรวงศึกษาธิการ
ที่ประชุมเห็นชอบตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษานำเสนอผลการวิเคราะห์องค์ความรู้เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของผู้เรียน ในข้อเสนอมาตรการสำคัญเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของผู้เรียน ดังนี้
1) Early Warning การพัฒนาการศึกษาให้ได้ผล จำเป็นต้องอาศัยข้อมูลผลการประเมินในระดับที่ต่ำกว่ามัธยมศึกษา เพื่อเป็นให้ทราบจุดอ่อนตั้งแต่เนิ่น ๆ และสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงที สอดรับกับผลการทดสอบ PISA ซึ่งอาจจะเป็นการทดสอบ O- NET หรือการทดสอบอื่น ๆ ในระดับนานาชาติ พัฒนากระบวนการประเมินผลในห้องเรียนตั้งแต่ระดับปฐมวัยและระดับประถมศึกษา ฝึกอบรมครูและผู้บริหารสถานศึกษาเพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจ และสามารถวิเคราะห์ผลการประเมินมาปรับปรุงการเรียนการสอนได้ อีกทั้ง เน้นกระบวนการสื่อสารให้ผู้ปกครองเข้าใจเพื่อดูแลเอาใจใส่นักเรียนเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ปกครองมีส่วนร่วมในการวางแผนและปรับปรุงระบบการศึกษา
2) National Standard Test การทดสอบมาตรฐานระดับชาติเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับการวางแผนทางการศึกษา การพัฒนามาตรวัดมาตรฐานการศึกษาของประเทศ การทดสอบให้เป็นที่ยอมรับในระดับชาติ และนานาชาติ ในการยกระดับคุณภาพการศึกษาของประเทศ โดยการนำผล O-NET รายบุคล ป. 6 และ ม.3 เป็นฐานในการพัฒนาผู้เรียนในรูปแบบ Active Learning เพื่อดูแลติดตามพัฒนาการของผู้เรียนรายบุคคล
3) National Education Database ประเทศไทยต้องมีระบบฐานข้อมูลทางการศึกษาที่เชื่อมโยงข้อมูลในทุกมิติ ตั้งแต่ปฐมวัยถึงอุดมศึกษา จึงควรเร่งการสร้างระบบฐานข้อมูลทางการศึกษาให้ประสบความสำเร็จโดยเร็ว มีมาตรการการสร้างคลังข้อสอบในทุกระดับ เพื่อให้เด็กและครูสามารถเข้าไปทำข้อสอบได้ทุกที่ทุกเวลา สามารถนำผลไปวิเคราะห์จุดเด่นและจุดด้อย อีกทั้งควรเตรียมครูให้สามารถออกข้อสอบแนวคิดวิเคราะห์ได้
ที่ม า ; สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา
สรุปสาระสำคัญ
ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล รองปลัดกระทรวง อว. เปิดเผยว่า ผลการประเมิน PISA ของไทยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่าคะแนนด้านการอ่าน คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ลดลง ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย OECD โดยเฉพาะด้านการคิดวิเคราะห์และการประยุกต์ใช้ความรู้ในชีวิตจริง กระทรวง อว.จึงตั้งเป้ายกระดับคุณภาพการศึกษาเพื่อเตรียมรับการประเมิน PISA ปี 2568 ด้วย 4 แนวทางหลัก ได้แก่ 1) พัฒนาหลักสูตรให้สอดคล้องมาตรฐานสากลและทักษะศตวรรษที่ 21 2) พัฒนาครูให้มีทักษะการสอนที่ทันสมัยและใช้เทคโนโลยีได้อย่างมีประสิทธิภาพ 3) ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล และ 4) สร้างความร่วมมือกับภาครัฐและเอกชนให้ผลิตบัณฑิตตรงความต้องการตลาดแรงงาน นอกจากนี้ มีการจัดอบรม “ครูแม่ไก่” เพื่อยกระดับสมรรถนะวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และภาษาไทย รวมถึงมาตรการ Early Warning การทดสอบมาตรฐานระดับชาติ (O-NET) และระบบฐานข้อมูลการศึกษา เพื่อพัฒนาผู้เรียนแบบรายบุคคลและยกระดับคุณภาพการศึกษาของประเทศ
แนวข้อสอบ
1. ผลการประเมิน PISA ของไทยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นปัญหาหลักในข้อใด
ก. ขาดแรงจูงใจในการเรียนรู้
ข. คะแนนลดลงในด้านการอ่านและคณิตศาสตร์
ค. การใช้เทคโนโลยีไม่แพร่หลาย
ง. ครูขาดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
เฉลย: ข.
2. แนวทางสำคัญของกระทรวง อว. ในการยกระดับผลการประเมิน PISA คือข้อใด
ก. เพิ่มจำนวนครูต่างชาติ
ข. ปรับโครงสร้างโรงเรียนและลดเวลาเรียน
ค. พัฒนาหลักสูตร ครู และส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต
ง. เน้นการเรียนแบบท่องจำ
เฉลย: ค.
3. โครงการอบรม “ครูแม่ไก่” มีเป้าหมายสำคัญเพื่ออะไร
ก. พัฒนาครูให้สามารถออกข้อสอบแนว PISA ได้
ข. เพิ่มอัตราครูในพื้นที่ขาดแคลน
ค. พัฒนาครูด้านจิตวิทยาเด็ก
ง. สร้างเครือข่ายครูแนะแนวระดับชาติ
เฉลย: ก.
4. มาตรการ “Early Warning” มีวัตถุประสงค์หลักคือข้อใด
ก. ตรวจสอบงบประมาณการศึกษา
ข. แก้ปัญหาผู้เรียนที่มีผลการเรียนต่ำตั้งแต่ต้น
ค. ประเมินผลการเรียนรู้ของครู
ง. สร้างแรงจูงใจให้เด็กสอบเข้ามหาวิทยาลัย
เฉลย: ข.